9 ฮวงจุ้ยบ้านต้องห้าม ฮวงจุ้ยบ้านไม่ดี อยู่แล้วมีปัญหา

การจัดแต่งบ้านจะเน้นจัดให้ได้ตรงตามความต้องการของผู้อาศัยเป็นหลัก แต่สิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไปด้วยนั่นคือ การจัดแต่งให้ถูกหลักฮวงจุ้ย ถูกทิศถูกทาง หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดีโดยเฉพาะผลลัพธ์ที่เกิดกับตัวผู้อยู่อาศัยเอง


ฮวงจุ้ยบ้านต้องห้าม

ในบทความนี้ อ.โจมีข้อมูลน่ารู้ว่าด้วยเรื่อง "9 ฮวงจุ้ยบ้านต้องห้าม" มาฝากกัน โดยเชื่อว่าคนที่ได้อ่านแล้วจะเกิดความเข้าใจว่าเหตุใดจึงถูกห้าม เพราะฮวงจุ้ยไม่ใช่เรื่องของความงมงายหรือสิ่งลี้ลับอะไรเลย แต่มันเป็นหลักการของธรรมชาติ อ่านจบแล้วอย่าลืมแชร์ให้เพื่อนได้อ่านด้วยนะครับ

ฮวงจุ้ยบ้านต้องห้าม
1. ทางผีผ่าน: บ้านที่มีประตูด้านหน้าตรงกับประตูด้านหลังหรือการที่มีช่องทางเดินอย่างน้อย 2 ช่องอยู่ในตำแหน่งตรงกันเรามักจะเรียกช่องทางลักษณะนี้ว่า "ทางผีผ่าน" ซึ่งแค่ได้ยินก็ทำให้รู้สึกว่าน่ากลัวแล้ว แม้ว่าในบ้านลักษณะนี้จะมีลมพัดผ่านได้สะดวกแต่เชื่อกันว่าพลังด้านดีที่พุ่งเข้ามาจะไหลออกไปอย่างรวดเร็ว กักเก็บอะไรไม่อยู่ เหมือนโชคลาภที่พัดเข้ามาแล้วก็พัดออกไป แถมยังทำให้คนในบ้านเกิดอาการเจ็บป่วย

แต่ถ้าเรามองดูให้ดีจะเห็นว่าบ้านลักษณะนี้แม้จะมีลมเข้าออกได้สะดวกแต่ก็เป็นลมใหม่ที่เข้ามาแล้วก็ออกไป ส่วนลมเก่า (อากาศเก่าๆ) กลับยังคงสงบนิ่งอยู่ในบ้าน ไม่มีการถ่ายเทออกไปไหน เท่ากับว่า "ของเก่าไม่ไป ของใหม่ไม่มา" ส่วนไอ้ที่เข้ามาก็แค่เข้ามาเพื่อผ่านออกไปเท่านั้น

2. ต้นไม้รก: การแต่งบ้านด้วยต้นไม้จนรกทึบในระดับที่แสงสว่างส่องไม่ถึงทำให้ได้รับความรู้สึกราวกับการอยู่ในวงล้อมธรรมชาติจนบางครั้งก็มองไม่ออกว่านี่มันคือบ้านคนหรือบ้านร้าง เหมือนศูนย์รวมของสิ่งลี้ลับและความน่าพิศวง ไม่ว่าจะดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่สถานที่อยู่อาศัยของคนปกติ ใครแต่งบ้านแบบนี้ให้รีบแก้ไข แม้ว่ามันจะไม่ใช่ศูนย์รวมความลี้ลับน่าพิศวงอะไร

แต่การแต่งบ้านจนรกทึบระดับที่แสงแดดส่องไม่ถึงนั้นจะทำให้เกิดความอับชื้นและกลายเป็นแห่งเพาะเชื้อโรคชั้นดี อากาศไม่ถ่ายเท ผู้อยู่อาศัยจึงมักมีปัญหาด้านสุขภาพ ซ้ำร้ายบ้านลักษณะนี้ยังดึงดูดให้สัตว์เลื้อยคลานเข้ามาแฝงกายอย่างสุขสบายด้วย แนะนำว่าถ้าอยากได้มุมธรรมชาติสวยๆก็ควรเลือกจัดสวนให้เป็นสัดส่วนจะดีกว่า ใช้การแต่งบ้านให้ร่มรื่นแทนการแต่งบ้านจนรกจะดีกว่านะครับ

3. กระจกปลายเตียง: การตั้งกระจกไว้ในตำแหน่งปลายเตียงนอน ไม่ว่าจะเป็นกระจกเต็มตัว กระจกตู้เสื้อผ้า กระจกโต๊ะเครื่องแป้ง รวมทั้งการจัดวางโทรทัศน์ที่มีหน้าจอเป็นกระจกไว้ตำแหน่งปลายเตียงนอนถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร การจัดวางกระจกในลักษณะนี้เชื่อว่าจะส่งผลทำให้เจ้าของห้องมีปัญหาการนอนเพราะรู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างสะท้อนจากกระจกออกมาหาตัวผู้นอน

ในความเป็นจริงนั้นไม่แนะนำให้ตั้งกระจกไว้ตรงปลายเตียงนอนเพราะเวลาลุกขึ้นมาเห็นเงาตัวเองสะท้อนในกระจกตอนกลางดึกอาจทำให้เกิดอาการตกใจ เกิดความรู้สึกผวา บางรายยิ่งน่ากลัวถ้าลุกขึ้นมาตอนเช้าแล้วเจอหน้าสดของตัวเอง 555 ดังนั้นจึงไม่ควรตั้งกระจกไว้ที่ตำแหน่งปลายเตียงนอน ส่วนโทรทัศน์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรอยู่ในห้องนอนอยู่แล้วเพราะห้องนอนควรเป็นห้องที่ใช้สำหรับนอนพักผ่อน (แต่ยุคนี้คงห้ามกันไม่ได้)

4. บ้านตรงทางแยก: บ้านที่ตั้งอยู่ตรงทางแยกที่มีรถยนต์วิ่งผ่านบ่อยๆย่อมทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกไม่สงบจนลุกลามไปถึงขั้นเกิดอาการเจ็บป่วยจากปัญหาสุขภาพซึ่งสาเหตุก็ไม่ใช่เพราะอาถรรพ์หรือความลี้ลับอะไรเลยครับ การที่บ้านตั้งอยู่ตรงทางแยกที่รถยนต์วิ่งผ่านนั้นย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากรถที่พุ่งมา (เช่นเดียวกับทางสามแพร่ง)

ทางแยกยังเป็นจุดที่รถจะต้องชะลอและหยุดเพื่อเตรียมที่จะเลี้ยวซึ่งสิ่งที่ตามมาจากการหยุดรถก็คือ มลพิษทางอากาศจากท่อไอเสียและฝุ่นละออง รวมทั้งมลพิษทางเสียงจากเครื่องยนต์ ส่วนในเวลากลางคืนก็ต้องเจอกับแสงไฟจากรถยนต์ที่สาดส่องเข้ามาในบ้านจนอาจทำให้เกิดอาการตกใจและสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก บ้านลักษณะนี้จึงมีแต่เสียกับเสียครับ เสียทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจและสวัสดิภาพของผู้อาศัยก็อาจจะเสียไปด้วย

5. ห้องน้ำหน้าบ้าน: การที่ห้องน้ำตั้งอยู่ตำแหน่งหน้าบ้านหรือตรงกับประตูบ้าน (ประเภทเปิดประตูเข้าบ้านมาแล้วเจอห้องน้ำเลย) นั้นเชื่อกันว่าเป็นการทำลายฮวงจุ้ยบ้านเพราะห้องน้ำเป็นจุดที่เอาไว้สกัดและถ่ายเทของเสีย การที่ห้องน้ำตั้งอยู่หน้าบ้านจึงเป็นเหมือนการขัดขวางพลังด้านดีที่จะไหลเข้าสู่ตัวบ้านแล้วถ่ายออกไปจนหมด ผู้อยู่อาศัยจึงมักจะอับโชค ไร้วาสนา

แม้ว่าห้องน้ำจะเป็นจุดที่ใช้ถ่ายเทของเสีย แต่สิ่งที่น่ากลัวจริงๆนั้นคือมลภาวะเพราะห้องน้ำเป็นส่วนที่มีความอับชื้นอยู่ตลอดเวลาจึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคชั้นยอด เวลาที่มีลมพัดเข้ามาจากหน้าบ้านก็จะหอบเอากลิ่นตุๆที่แฝงไปด้วยเชื้อโรคจากห้องน้ำกระจายไปตามจุดต่างๆของบ้าน บรรยากาศในบ้านจึงอบอวลไปด้วยเชื้อโรคที่มองไม่เห็น (แต่ได้กลิ่นแบบเต็มๆ)

6. หิ้งบูชาเหนือขอบประตู: การตั้งหิ้งบูชาเอาไว้เหนือขอบประตูบ้านหรือเหนือช่องทางเดินที่มีพลังงานไหลผ่านตลอดเวลาถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรเพราะเชื่อว่าจะเป็นการถ่วงชีวิตให้ถดถอยลง ทำอะไรก็ไม่เจริญและมักจะพบกับเหตุร้าย ดังนั้นหิ้งบูชา (รวมทั้งโต๊ะบูชา) จึงควรจะจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่สงบ (ถ้ามีห้องที่แยกไว้เฉพาะยิ่งดี) แต่อย่าเพิ่งกังวลไปว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากพลังของศักดิ์สิทธิ์

การที่เราไม่ควรตั้งหิ้งบูชาเอาไว้เหนือขอบประตูนั้นเป็นเพราะตำแหน่งช่องทางเดินจะมีลมไหลผ่านตลอดเวลาซึ่งแรงลมแม้เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้ไฟจากธูปเทียนที่จุดเอาไว้บนหิ้งพัดโหมจนอาจส่งผลให้เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ เหมือนที่เห็นในข่าวอยู่บ่อยๆว่าจุดธูปเทียนเอาไว้บนหิ้งแล้วทำให้เกิดอัคคีภัย

7. หม้อแปลงไฟฟ้าหน้าบ้าน: หม้อแปลงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่หน้าบ้านนั้นแค่เห็นก็ทำให้รู้สึกไม่ดีแล้ว ไม่ต้องมองไปถึงหลักฮวงจุ้ยอะไรให้ซับซ้อนมากความ หม้อแปลงไฟฟ้าเป็นแหล่งรวมประจุไฟฟ้าซึ่งมีความรุนแรงกว่าเสาไฟธรรมดาชนิดเทียบกันไม่ติด คลื่นไฟฟ้าที่แผ่ออกมาบวกกับเสียงดังของหม้อแปลงไฟฟ้านั้นจะส่งผลต่อผู้อยู่อาศัยทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ทำให้มีอาการเจ็บป่วยได้ง่าย สภาวะอารมณ์ก็ไม่ปกติ

ยิ่งเป็นบ้านสองชั้นยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่เพราะตำแหน่งที่ตั้งหม้อแปลงไฟฟ้านั้นแทบจะตรงกับห้องนอนพอดี แทนที่จะได้ทิวทัศน์สวยๆหน้าบ้านช่วยเสริมสร้างบรรยากาศกลับมีแต่สิ่งที่จะมาพิฆาตตัวเอง บ้านลักษณะนี้ต่อให้ผู้อาศัยมีร่างกายแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าก็คงยากที่จะต้านทานไหว นี่ขนาดยังไม่นับรวมไปถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นกับหม้อแปลงไฟฟ้านะ

8. เตียงนอนติดหน้าต่าง: หน้าต่างคือช่องที่เอาไว้รับแสงและลมที่จะถ่ายเทเข้ามาในตัวอาคาร การจัดห้องนอนโดยวางเตียงนอนติดหน้าต่างจึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนักเพราะเท่ากับว่าผู้นอนจะอยู่ในสภาพที่ต้องรับแสงและลมโดยตรง (แต่หลายบ้านมักจะเป็นแบบนี้) สำหรับข้อดีของการจัดให้เตียงนอนอยู่ติดกับหน้าต่างคือเวลาที่แสงแดดส่องมันจะช่วยไล่ความอับชื้นออกไปจากที่นอนได้

แต่ปัญหาคือในช่วงกลางคืนที่ไม่มีแสงแดด สิ่งที่จะผ่านเข้ามาในห้องก็คือลมที่จะพัดโกรกใส่ตัวผู้นอนโดยตรง ในช่วงที่ฝนตกก็เช่นกันเพราะละอองฝนจะพัดเข้ามาตกลงยังตำแหน่งเตียงนอนซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วย ยิ่งถ้าวันไหนดูรายการผีแล้วนอนโดยมองไปทางหน้าต่างอาจจะเผลอจินตนาการฟุ้งซ่านจนสติหลุดได้

9. บันไดโจร: บ้านที่มีบันไดขึ้นลงอยู่ด้านนอกตัวบ้าน (ไม่ใช่บันไดหนีไฟ) อารมณ์ประมาณว่าผู้ที่อาศัยอยู่ชั้นบนของบ้านต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ตราบใดที่ผู้อาศัยชั้นบนยังคงมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อาศัยชั้นล่างเป็นปกติในฐานะสมาชิกครอบครัวเดียวกันก็ถือว่าการมีบันไดลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร

ในมุมของความเชื่อมองว่าบันไดบ้านคือ "ทางเดินมังกร" ถ้าบันไดขึ้นลงอยู่นอกตัวบ้านจะส่งผลเสียด้านการเงินโดยจะทำให้ผู้อาศัยเสียทรัพย์และเก็บเงินไม่อยู่ ส่วนมุมมองด้านกายภาพนั้นถือว่าการที่บันไดตั้งอยู่นอกตัวบ้านจะไม่ถือว่าเป็นทางเดินมังกรแต่จะกลายเป็น "บันไดโจร" เพราะบันไดนี้จะกลายเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพใช้ในการย่องขึ้นไปกระทำการบางอย่างที่ชั้นบนของบ้าน แน่นอนว่ามิจฉาชีพคงไม่ได้แอบย่องขึ้นไปทำเรื่องดีๆแน่